วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2557

สหรัฐรับอิทธิพลในเวทีโลกถดถอย

รัฐมนตรีต่างประเทศและวุฒิสมาชิกสหรัฐ เห็นพ้องกันว่า อเมริกาในวันนี้ไม่ใช่อภิมหาอำนาจแบบหลังสงครามเย็น ไม่อาจชี้นำโลกยุคใหม่ได้

ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์แห่งวุฒิสภาสหรัฐเพื่อพิจารณางบประมาณของกระทรวงต่างประเทศเมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น (8 เม.ย.) กรรมาธิการจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างหยิบยกความวิตกในศักยภาพสหรัฐที่จำกัดลงในการรับมือกับปัญหาท้าทายต่าง ๆ ของโลก ตั้งแต่การรุกคืบของรัสเซียในยูเครน โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน การแสดงแสนยานุภาพของจีนในภูมิภาคแปซิฟิค และสงครามกลางเมืองซีเรีย

นายโรเบิร์ต คอร์คเกอร์ ส.ว.รีพับลิกันคนสำคัญในคณะกรรมาธิการกล่าวว่า การตัดสินใจหลายเรื่องของรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีที่ประธานาธิบดีบารัก โอบามา ไม่ได้ทำตามคำขู่ใช้ปฏิบัติการทางทหารกับซีเรียหลังใช้อาวุธเคมีกับประชาชนเมื่อปีที่แล้ว บั่นทอนอิทธิพลและความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯลงไปมาก

ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ "นายจอห์น แคร์รี" ย้ำว่า สหรัฐอยู่ในโลกที่ซับซ้อนและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าสหรัฐจะมีอำนาจมหาศาล แต่ก็ไม่สามารถใช้กำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการได้ โดยเฉพาะในโลกที่มีประเทศเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างจีน อินเดีย เม็กซิโก เกาหลีใต้ บราซิล และอีกหลายประเทศ

ขณะที่นายนิโคลัส เบิร์นส์ นักการทูตมากประสบการณ์ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิชาการมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า สหรัฐเคยเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวแค่ช่วงสั้นๆเท่านั้นหลังสงครามเย็นสิ้นสุด เมื่อจีนและชาติอำนาจอื่นๆผงาดขึ้นมา สหรัฐยังคงเป็นประธานบอร์ดในฐานะประเทศแข็งแกร่งที่สุดในโลก แต่สหรัฐต้องพูดคุย หาฉันทามติ ต้องลงมือแบบมีแนวร่วม และไม่อาจชี้นำโลกได้เหมือนในอดีต

กรุงเทพธุรกิจออนไลท์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น